ผู้รับประโยชน์จากประกันชีวิตตายทายาทเจ้ามรดกมีสิทธิได้รับเงิน

ฎีกาที่  821/2554

        ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 889 บัญญัติว่า “ในสัญญาประกันชีวิตนั้น การใช้จำนวนเงินย่อมอาศัยความทรงชีพ หรือมรณะของบุคคลคนหนึ่ง” ดังนี้ เงินตามสัญญาประกันชีวิตจึงมิใช่ทรัพย์สินที่ผู้ตายมีอยู่ในขณะถึงแก่ความตายและไม่ใช่มรดกของผู้ตาย ส่วนนางหนิงซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยก็ปรากฏว่าได้ถึงแก่ความตายไปก่อนผู้ตาย ย่อมไม่มีตัวผู้รับประโยชน์ที่จะได้รับเงินตามสัญญาประกันชีวิต เมื่อสิทธิของนางหนิงที่จะได้รับเงินตามกรมธรรม์ประกันภัยยังไม่เกิดขึ้น เงินตามตั๋วแลกเงินเอกสารหมาย ร.8 จึงไม่เป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทของนางหนิง มีปัญหาว่าเงินตามตั๋วแลกเงินเอกสารหมาย ร.8 จะพึงจ่ายให้แก่ผู้ใด ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 4 บัญญัติว่า “กฎหมายนั้น ต้องใช้ในบรรดากรณีซึ่งต้องด้วยบทบัญญัติใด ๆ แห่งกฎหมายตามตัวอักษร หรือตามความมุ่งหมายของบทบัญญัตินั้นๆ เมื่อไม่มีบทกฎหมายที่จะยกมาปรับคดีได้ ให้วินิจฉัย
คดีนั้นตามจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่น ถ้าไม่มีจารีตประเพณีเช่นว่านั้น ให้วินิจฉัยคดีอาศัยเทียบบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง และถ้าบทกฎหมายเช่นนั้นก็ไม่มีด้วย ให้วินิจฉัยตามหลักกฎหมายทั่วไป” ฉะนั้น แม้เงินตามตั๋วแลกเงินเอกสารหมาย ร.8 จะมิใช่ทรัพย์มรดกของผู้ตายดังที่ได้วินิจฉัยมาแล้วก็ตาม แต่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 6 ลักษณะมรดก เป็นบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งในอันที่จะใช้บังคับแก่เงินตามสัญญาประกันชีวิตรายนี้ เงินตามตั๋วแลกเงินเอกสารหมาย ร.8 จึงควรตกแก่ทายาทโดยธรรมของผู้ตายเสมือนหนึ่งเป็นทรัพย์มรดกและต้องถือว่ามีเหตุขัดข้องในการจัดการมรดกของผู้ตาย กรณีจึงมีเหตุที่ผู้ร้องซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายจะร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 เมื่อผู้ร้องมีคุณสมบัติไม่ต้องห้ามตามกฎหมายในการเป็นผู้จัดการมรดก จึงสมควรตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นให้ยกคำร้องขอของผู้ร้องมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น
        พิพากษากลับ ให้ตั้งนายสายันต์ผู้ร้อง เป็นผู้จัดการมรดกของนายลำพันผู้ตาย โดยให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ

        ปล.เงินประกันชีวิตถึงแม้จะไม่ใช่ทรัพย์มรดกของผู้ตาย  แต่กรณีที่ผู้รับผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันชีวิตตายทำให้ไม่มีผู้รับผลประโยชน์จากประกันชีวิต  ประกอบกับไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติเอาไว้โดยเฉพาะ  กรณีนี้จึงต้องเทียบเคียงกับบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง  ฉะนั้นทายาทของผู้ตายสามารถร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกได้  และถือเสมือนว่า "เงินประกันชีวิตเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตาย"  ทายาทของเจ้ามรดกจึงเป็นผู้มีสิทธิได้เงินประกันชีวิตของผู้ตาย  แต่สิ่งสำคัญจะต้องปรากฏว่าผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ตายจึงจะถือว่า "เสมือนเป็นทรัพย์มรดกได้"  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น