ร่าง พ.ร.บ.การติดตามทวงถามหนี้ที่เป็นธรรม




ร่าง
พระราชบัญญัติ
การติดตามทวงถามหนี้ที่เป็นธรรม
พ.ศ. ............

---------------------
           พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า .....................................................................................................
          มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติการติดตามทวงถามหนี้ที่เป็นธรรม พ.ศ. ............” 
          มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด.............วัน นับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป 
          มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสินเชื่อส่วนบุคคล
“สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสินเชื่อส่วนบุคคล
“สินเชื่อส่วนบุคคล” หมายความว่า การให้กู้ยืมเงิน การรับซื้อ ซื้อลด หรือการรับช่วงซื้อลดตั๋วเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใด การให้สินเชื่อบัตรเครดิต และให้รวมถึงสินเชื่อที่เกิดจากการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลิสซิ่งใน สินค้าที่ผู้ประกอบการมิได้เป็นผู้จำหน่ายเป็นการค้าปกติ แก่บุคคลธรรมดาโดยมิได้ระบุวัตถุประสงค์ หรือมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าหรือบริการและไม่มีวัตถุประสงค์ เพื่อนำไปใช้ในการประกอบธุรกิจของตนเอง
“บัตรเครดิต” หมายความว่า บัตรที่ผู้ให้สินเชื่อออกให้แก่ผู้ถือบัตรหรือผู้บริโภคเพื่อใช้ในการชำระ สินค้า ค่าบริการ หรือค่าอื่นใดแทนการชำระด้วยเงินสด หรือเพื่อการเบิกถอนเงินสด ทั้งนี้ไม่รวมถึงบัตรที่ได้มีการชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือค่าอื่นใดไว้ล่วงหน้า
“ผู้บริโภค” หมายความว่า บุคคลธรรมดาที่มีภาระผูกพันที่จะต้องชำระหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล
“สถาบันการเงิน” หมายความว่า

นิติบุคคลที่ให้สินเชื่อส่วนบุคคลเป็นการค้าปกติ
นิติบุคคลที่รับซื้อหรือโอนสินเชื่อส่วนบุคคลจาก ๑.
นิติบุคคลที่รับซื้อหรือโอนสินเชื่อส่วนบุคคลจาก ๒.
บุคคลอื่นใดตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด
“ผู้ติดตามหนี้” หมายความว่า บุคคลผู้ที่ทำหน้าที่ติดตามทวงถามหนี้สินเชื่อบุคคลของตนเอง หรือผู้ประกอบธุรกิจติดตามทวงถามหนี้ ทั้งนี้ไม่ให้หมายรวมถึง
เจ้าหน้าที่ หรือเจ้าพนักงานของรัฐ หรือส่วนราชการที่ทำหน้าที่ติดตามทวงถามหนี้
บุคคลใดที่ทำหน้าที่ติดตามทวงหนี้ตามกระบวนการทางกฎหมายเพื่อให้เป็นไปตาม คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล
บุคคลอื่นใดตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด
“การประกอบธุรกิจติดตามทวงถามหนี้” หมายความว่า การประกอบธุรกิจในการติดตามทวงถามหนี้ของสถาบันการเงินที่ตนรับจ้างมาดำเนิน การ โดยที่ตนไม่ใช่พนักงานของสถาบันการเงิน
“สถานที่ติดต่อผู้บริโภค” หมายความว่า ที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค หรือสถานที่ทำงาน หรือสถานที่อื่นใดที่สามารถติดตามสื่อสารได้กับผู้บริโภค และหมายเลขโทรศัพท์ของสถานที่ดังกล่าว
          “ใบอนุญาต” หมายความว่า ใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจติดตามทวงถามหนี้
“พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งตามการเสนอแนะของคณะกรรมการให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
          “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ 
          มาตรา ๕ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
          ประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ 


หมวด ๑
การขอรับใบอนุญาต
-----------------------
          มาตรา ๖ การประกอบธุรกิจติดตามทวงถามหนี้จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการ
          การขอความเห็นชอบ การให้ความเห็นชอบ การขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตลอดจนเสียค่าธรรมเนียมตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด
          มาตรา ๗ ห้ามมิให้ผู้ใด นอกจากผู้ติดตามหนี้ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจติดตามทวงถามหนี้

หมวด ๒
การติดต่อ เพื่อการติดตามทวงถามหนี้
-----------------------
มาตรา ๘ ห้ามมิให้ผู้ติดตามหนี้ ติดต่อผู้ใดเพื่อการติดตามทวงถามหนี้เว้นแต่การติดต่อเพื่อวัตถุประสงค์ดังนี้

เพื่อการติดต่อสอบถามสถานที่ติดต่อผู้บริโภคตามมาตรา ๙
เพื่อการอื่นตามที่มีกฎหมายหรือระเบียบราชการกำหนดไว้
เพื่อวัตถุประสงค์อื่นตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด
มาตรา ๙ ผู้ติดตามหนี้อาจติดต่อบุคคลอื่นใดนอกเหนือจากผู้บริโภคในการให้ได้มาซึ่งข้อมูลสถานที่ติดต่อผู้บริโภคโดยต้อง
แจ้งให้ทราบชื่อ นามสกุล และแสดงเจตนาว่าต้องการสอบถามหรือยืนยันข้อมูลสถานที่ติดต่อผู้บริโภคเท่า นั้น เว้นแต่เมื่อมีความจำเป็นที่บุคคลผู้ให้ข้อมูลร้องขอจึงแจ้งให้ทราบว่าตนได้ รับการว่าจ้างจากผู้ใด
ติดต่อในเวลา ๘.๐๐น.ถึง ๑๘.๐๐น.
ห้ามมิให้แจ้งถึงความเป็นหนี้ของผู้บริโภค
ห้ามมิให้ติดต่อสอบถามบุคคลใดบุคคลหนึ่งมากกว่าหนึ่ง ครั้ง เว้นแต่มีเหตุผลที่เชื่อได้ว่าข้อมูลสถานที่ติดต่อผู้บริโภคที่ได้รับมาไม่ ถูกต้อง หรือไม่สมบูรณ์ และบุคคลผู้นั้นได้มีการแก้ไขหรือมีข้อมูลสถานที่ติดต่อผู้บริโภคที่ถูกต้อง และสมบูรณ์
ห้ามมิให้ติดต่อโดยทางไปรษณียบัตร
ห้ามมิให้ใช้ภาษา สัญลักษณ์ หรือชื่อทางธุรกิจของผู้ติดตามหนี้บนซองจดหมายหรือในหนังสือ หรือในสื่ออื่นที่จะใช้ในการติดต่อสอบถามผู้อื่น ที่ทำให้ผู้อื่นเข้าใจได้ว่าเป็นการติดต่อมาเพื่อการติดตามทวงถามหนี้ของผู้ บริโภค เว้นเสียแต่ชื่อทางธุรกิจของผู้ติดตามหนี้ไม่ได้สื่อให้ทราบได้ว่าเป็นการ ประกอบธุรกิจติดตามทวงถามหนี้
ภายหลังจากผู้ติดตามหนี้ได้รับแจ้งจากผู้บริโภคเป็น หนังสือว่าได้มีการแต่งตั้งตัวแทน พร้อมชื่อและที่อยู่ของตัวแทนที่ได้แต่งตั้งในเรื่องเกี่ยวกับหนี้นั้นๆ แล้ว ห้ามมิให้ผู้ติดตามหนี้ติดต่อบุคคลอื่นนอกจากตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้ง เว้นเสียแต่ตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้งไม่ทำหน้าที่และติดต่อกับผู้ติดตาม หนี้ภายใน ๓๐ วันนับจากวันที่ผู้ติดตามหนี้ได้รับหนังสือแต่งตั้งตัวแทน
มาตรา ๑๐ ห้ามมิให้ติดต่อกับผู้บริโภคด้วยวิธี และเงื่อนไขดังนี้
ติดต่อในเวลาและสถานที่ทำให้เกิดความไม่สะดวกแก่ผู้ บริโภค ในกรณีที่ไม่ได้แจ้งไว้ล่วงหน้าให้ถือเอาเวลา ๘.๐๐น.ถึง ๒๑.๐๐น. ณ สถานที่ติดต่อผู้บริโภคเป็นเวลา และสถานที่เหมาะสมในการติดต่อผู้บริโภค
ภายหลังจากผู้ติดตามหนี้ได้รับแจ้งจากผู้บริโภคเป็น หนังสือว่าได้มีการแต่งตั้งตัวแทน พร้อมชื่อและที่อยู่ของตัวแทนที่ได้แต่งตั้งในเรื่องเกี่ยวกับหนี้นั้นๆ แล้ว เว้นเสียแต่ตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้งไม่ทำหน้าที่และติดต่อกับผู้ติดตาม หนี้ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ผู้ติดตามหนี้ได้รับหนังสือแต่งตั้งตัวแทน หรือตัวแทนได้ให้ความยินยอมให้ผู้ติดตามหนี้ติดต่อผู้บริโภคได้โดยตรง
ติดต่อไปยังที่ทำงานของผู้บริโภค ถ้าผู้ติดตามหนี้ทราบหรือมีเหตุผลที่เชื่อว่านายจ้างของผู้บริโภคห้ามไม่ให้ มีการติดต่อในเรื่องการติดตามหนี้ในสถานที่ทำงาน
วิธีการและเงื่อนไขตามที่คณะกรรมการประกาศ
เว้นแต่ผู้บริโภคได้ให้ความยินยอมหรือเป็นการดำเนินการตามที่กระบวนการทางคดี หรือโดยคำสั่งของศาล
มาตรา ๑๑ ภายใต้มาตรา ๘ ผู้ติดตามหนี้อาจติดต่อกับบุคคลอื่นดังต่อไปนี้ได้
บุคคลที่ผู้บริโภคได้ให้ความยินยอม
เป็นการติดต่อบุคคลอื่นตามกระบวนการทางกฎหมาย หรือคำสั่งศาล
บริษัทข้อมูลเครดิตตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต
ตัวแทนของสถาบันการเงินเจ้าหนี้หรือสถาบันการเงินเจ้าหนี้
ตัวแทนของผู้ติดตามหนี้
บุคคลอื่นที่คณะกรรมการประกาศ
มาตรา ๑๒ ห้ามมิให้ผู้ติดตามหนี้ติดต่อผู้บริโภคอีก ภายหลังจากที่ผู้บริโภคได้แจ้งปฎิเสธ การชำระหนี้ให้ผู้ติดตามหนี้ทราบและแจ้งความประสงค์ที่ไม่ให้ผู้ติดตามหนี้ ติดต่อตนอีก เป็นหนังสือ เว้นแต่ในกรณีดังต่อไปนี้
แจ้งให้ผู้บริโภคทราบว่าผู้ติดตามหนี้ได้ยุติการติดตามทวงถามหนี้
แจ้งให้ผู้บริโภคทราบว่าผู้ติดตามหนี้ หรือเจ้าหนี้จะดำเนินการกับหนี้ดังกล่าวตามกระบวนการทางศาล
การอื่นใดตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด
มาตรา ๑๓ ผู้บริโภคในหมวดนี้ให้หมายรวมถึง คู่สมรส ผู้ค้ำประกัน ผู้ปกครองในกรณีผู้เยาว์ ผู้พิทักษ์ หรือผู้อนุบาล

หมวด ๓
การกระทำที่เป็นการล่วงละเมิดและเป็นการคุกคาม
-----------------------


มาตรา ๑๔ ผู้ติดตามหนี้ต้องไม่ปฎิบัติหรือมีส่วนร่วมในการปฎิบัติที่เป็นการล่วง ละเมิด ข่มขู่ การใช้วาจาที่ทำให้เกิดความเสียหาย การกระทำดังต่อไปนี้ให้ถือเป็นการล่วงละเมิด และการคุกคาม

การข่มขู่ การใช้ความรุนแรง การกระทำผิดทางอาญาโดยให้เกิดความเสียหาย แก่ ร่างกาย ชื่อเสียง และทรัพย์สินของผู้บริโภค หรือผู้อื่น
การใช้วาจาหรือภาษาที่เป็นการดูหมิ่น ถากถาง เสียดสี ทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้บริโภค
การแจ้ง การเปิดเผยชื่อผู้บริโภคให้แก่ผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการติดตามหนี้ เว้นแต่เป็นการแจ้งให้แก่บุคคลอื่นตามที่กฎหมายกำหนด
การติดต่อผู้บริโภคเพื่อติดตามทวงถามหนี้ เกินวันละหนึ่งครั้ง เว้นแต่เป็นการติดต่อเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม หรือได้รับความยินยอมจากผู้บริโภค
การกระทำอื่นตามที่คณะกรรมการประกาศ

หมวดที่ ๔
การแจ้งข้อมูลที่เป็นเท็จ หรือการแจ้งเพื่อทำให้เกิดความเข้าใจผิด
-----------------------
มาตรา ๑๕ ห้ามมิให้ผู้ติดตามหนี้ ใช้วาจา ข้อมูลหรือข้อความที่เป็นเท็จ หรืออาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดที่เกี่ยวข้องกับการติดตามทวงถามหนี้
การกระทำต่อไปนี้ให้ถือเป็นความผิดตามมาตรานี้

การแสดง หรือการใช้เครื่องหมายหรือเครื่องแบบ สัญลักษณ์ หรือข้อความใดๆ ที่มีนัย หรืออาจทำให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าเป็นการกระทำของรัฐ หรือหน่วยงานของรัฐ โดยไม่เป็นความจริง
การเจตนาแสดงข้อมูลจำนวนหนี้ที่ไม่ถูกต้อง
การแสดงหรือมีข้อความที่ทำให้เชื่อว่าการติดต่อทวงหนี้มาจากทนายความ ทั้งที่ไม่ใช่
การแสดงหรือมีข้อความที่ทำให้เชื่อว่าหากไม่ชำระหนี้จะ ถูกดำเนินคดี ถูกยึดหรืออายัดทรัพย์ หรือเงินเดือน เว้นเสียแต่เป็นการกระทำที่ถูกต้องตามกฎหมายและสถาบันการเงิน หรือผู้ติดตามหนี้มีความประสงค์ที่จะดำเนินการดังกล่าวจริง
การข่มขู่ว่าจะดำเนินการ ทั้งที่ไม่มีอำนาจจะกระทำได้ตามกฎหมายหรือไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะดำเนินการดังกล่าว
การแสดงหรือมีข้อความที่ทำให้เชื่อว่าหากไม่ชำระหนี้จะเป็นความผิดทางอาญา
การแสดงหรือมีข้อความที่ทำให้เชื่อว่าเป็นคำสั่งจากศาลหรือหน่วยงานของรัฐในการสั่งให้ชำระหนี้
การติดต่อ หรือข่มขู่ว่าจะรายงานประวัติการชำระที่เป็นผลเสียให้แก่บริษัทข้อมูลเครดิต หรือไม่ดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขข้อโต้แย้งให้ถูกต้อง
การติดต่อ หรือการแสดงตนที่ทำให้บุคคลอื่นเข้าใจผิด เพื่อให้ได้ข้อมูลอื่นที่เกี่ยวกับผู้บริโภคเพื่อวัตถุประสงค์ในการติดตามหนี้
การใช้ชื่อของบุคคลอื่น แทนชื่อของผู้ติดตามหนี้ในการดำเนินการติดตามทวงถามหนี้
การติดต่อหรือการแสดงตนให้ผู้บริโภคเชื่อว่าผู้ติดตามหนี้ ดำเนินการให้แก่บริษัทข้อมูลเครดิตหรือรับจ้างจากบริษัทข้อมูลเครดิต

หมวดที่ ๕
การปฎิบัติที่ไม่เป็นธรรม
-----------------------
มาตรา ๑๖ ห้ามมิให้ผู้ติดตามหนี้ดำเนินการใดๆ อันเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม เพื่อที่จะติดตามทวงถามหนี้ การกระทำที่ว่านั้นให้หมายถึงการกระทำดังนี้

เรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายใดๆ เว้นเสียแต่ได้มีการตกลงไว้ล่วงหน้า หรือที่มีกฎหมายอนุญาตให้ทำได้
การติดต่อผู้บริโภคเกี่ยวกับหนี้โดยไปรษณียบัตร
การใช้ภาษา หรือสัญลักษณ์ ชื่อทางธุรกิจของผู้ติดตามหนี้บนซองจดหมายในการติดต่อผู้บริโภคที่ทำให้เข้า ใจได้ว่าเป็นการติดต่อมาเพื่อการติดตามทวงถามหนี้เว้นเสียแต่ชื่อทางธุรกิจ ของผู้ติดตามหนี้ไม่ได้สื่อให้ทราบได้ว่าเป็นการประกอบธุรกิจติดตามทวงถาม หนี้
การกระทำอื่นใดตามที่คณะกรรมการประกาศ

หมวดที่ ๖
การ ตรวจสอบภาระหนี้
-----------------------
มาตรา ๑๗ ผู้ติดตามหนี้ ต้องแจ้งให้ผู้บริโภคทราบถึงจำนวนหนี้ และชื่อของสถาบันการเงินที่ผู้บริโภคเป็นหนี้
มาตรา ๑๘ ในกรณีที่ผู้บริโภคแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ติดตามหนี้ตรวจสอบความถูกต้องของ จำนวนหนี้ทั้งหมด หรือบางส่วน หรือชื่อของสถาบันการเงินรายแรกที่ผู้บริโภคเป็นหนี้นั้น ให้ผู้ติดตามหนี้ตรวจสอบและแจ้งให้ผู้บริโภคทราบภายใน ๓๐ วันเป็นหนังสือ และในช่วงระหว่างการตรวจสอบนั้น ห้ามมิให้ผู้ติดตามหนี้ติดต่อผู้บริโภคเว้นแต่เป็นการติดต่อเพื่อสอบถาม ข้อมูลเพิ่มเติม

หมวดที่ ๗
หนี้หลายบัญชี
-----------------------
มาตรา ๑๙ ในกรณีที่ผู้บริโภคเป็นหนี้หลายบัญชีและได้ชำระหนี้ดังกล่าวผ่านผู้ติดตาม หนี้ให้ผู้ติดตามหนี้นำเงินดังกล่าวไปชำระในแต่ละบัญชีตามสัดส่วน แต่ไม่ให้ชำระแก่บัญชีที่อยู่ระหว่างการโต้แย้ง เว้นเสียแต่ผู้บริโภคได้กำหนดวิธีการชำระหนี้ไว้

หมวดที่ ๘
การร้องเรียน
-----------------------
                มาตรา ๒๐ ในกรณีที่ผู้บริโภคได้รับการปฏิบัติจากผู้ติดตามหนี้อันเป็นการขัดต่อพระราช บัญญัตินี้ ผู้บริโภคอาจร้องเรียนต่อคณะกรรมการเพื่อวินิจฉัย
                การร้องเรียนต่อคณะกรรมการตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการประกาศกำหนด
                เมื่อมีคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ติดตามหนี้ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยชี้ขาดนั้น

หมวด ๙
การกำกับดูแลผู้ติดตามหนี้
----------------
                 มาตรา ๒๑ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสินเชื่อส่วนบุคคล” ประกอบด้วยปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานกรรมการ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นรองประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ปลัดกระทรวงพานิชย์ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนห้าคนเป็นกรรมการ
                ให้คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ โดยอย่างน้อยต้องเป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการเงินและการธนาคารสอง คน และด้านการคุ้มครองผู้บริโภคหนึ่งคน โดยมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสี่ปีและอาจแต่งตั้งใหม่อีกได้ แต่จะแต่งตั้งให้อยู่ในตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระมิได้
                ให้คณะกรรมการแต่งตั้งผู้บริหารของสำนักงานคนหนึ่งเป็นเลขานุการ
                มาตรา ๒๒ ให้คณะกรรมการมีอำนาจและหน้าที่ในการกำกับดูแลการติดตามทวงถามหนี้ของผู้ ติดตามหนี้ อำนาจและหน้าที่ดังกล่าวให้รวมถึง

ออกประกาศหรือคำสั่งเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
ออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจติดตามทวงถามหนี้ รวมถึงการกำหนดค่าธรรมเนียมและค่าดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการติดตาม ทวงถามหนี้
สั่งให้ผู้ติดตามหนี้ยื่นรายงานเกี่ยวกับการดำเนินกิจการเป็นการทั่วไปหรือเป็นการเฉพาะ โดยมีรายการและตามระยะเวลาที่กำหนด
สั่งให้ผู้ติดตามหนี้ทำคำชี้แจงข้อความเพื่ออธิบายหรือขยายความรายงานที่ได้จัดขึ้นตาม ๓
พิจารณาวินิจฉัยข้อร้องเรียนตามพระราชบัญญัตินี้
แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ
ปฏิบัติการอื่นใดตามที่มีกฎหมายหรือมติคณะรัฐมนตรีกำหนดให้เป็นอำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการ
                ในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรานี้ คณะกรรมการอาจมอบหมายให้คณะอนุกรรมการ หรือธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ปฏิบัติการหรือเสนอความเห็นมายังคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วยก็ได้
                มาตรา ๒๓ นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา ๒๑ กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
ตาย
ลาออก
คณะรัฐมนตรีให้ออก
เป็นบุคคลล้มละลาย
เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
เป็นผู้ดำรงตำแหน่งหรือมีหน้าที่หรือมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับผู้ติดตามหนี้
                ในกรณีที่กรรมการพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ คณะรัฐมนตรีอาจแต่งตั้งผู้อื่นเป็นกรรมการแทนได้และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้ง ให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งตนแทน
                ในกรณีที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการเพิ่มขึ้นในระหว่างที่กรรมการซึ่งแต่ง ตั้งไว้แล้วยังคงมีวาระอยู่ในตำแหน่ง ให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการเพิ่มขึ้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระ ที่เหลืออยู่ของกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งไว้แล้ว
                มาตรา ๒๔ ในการประชุมคณะกรรมการ ถ้าประธานกรรมการหรือรองประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อยู่ในที่ประชุม ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุมแทน
                การประชุมคณะกรรมการทุกคราวต้องมีกรรมการมาประชุมไม่ต่ำกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม
                การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
                มาตรา ๒๕ คณะอนุกรรมการต้องประกอบด้วยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตาม ที่คณะกรรมการแต่งตั้งขึ้น มีจำนวนไม่น้อยกว่าสามคนแต่ไม่เกินห้าคน
                คณะอนุกรรมการมีอำนาจและหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ และตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
                การประชุมของคณะอนุกรรมการ ให้นำมาตรา ๒๔ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
                มาตรา ๒๖ คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดส่งเอกสารหรือข้อมูลที่เกี่ยว ข้องกับเรื่องที่มีผู้ร้องทุกข์หรือเรื่องอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการคุ้ม ครองผู้บริโภคสำหรับสินเชื่อบุคคลมาพิจารณาได้ ในการนี้จะเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงด้วยก็ได้
                มาตรา ๒๗ ให้การปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการต้องให้โอกาสแก่ผู้ถูกกล่าวหาหรือสงสัยว่ากระทำ การอันเป็นการละเมิดสิทธิของผู้บริโภคเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและแสดงความคิด เห็นตามสมควร เว้นแต่ในกรณีที่จำเป็นและเร่งด่วน
                การกำหนดหรือออกคำสั่งในเรื่องใดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการคำนึงถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่ทั้ง ผู้บริโภค สถาบันการเงิน ผู้ติดตามหนี้หรือบุคคลอื่นใดที่เกี่ยวข้อง และในกรณีที่เห็นสมควร คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการจะกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเป็นการชั่วคราวในการบังคับให้เป็นไปตามการกำหนดหรือออกคำสั่ง นั้นก็ได้
                มาตรา ๒๘ ในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ให้จัดตั้งสำนักงาน โดยมีหน้าที่
รับเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้บริโภคที่ได้รับความเดือด ร้อนหรือเสียหายอันเนื่องมาจากการกระทำของผู้ติดตามหนี้เพื่อเสนอต่อคณะ กรรมการหรือคณะอนุกรรมการตามแต่กรณี
กำกับการทำงานของผู้ติดตามหนี้ หรือผู้กระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการละเมิดสิทธิของผู้บริโภคพร้อมกับรายงานต่อคณะกรรมการ
ประสานกับส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแล หรือตรวจสอบสถาบันการเงิน ผู้ติดตามหนี้หรือบุคคลอื่นใด
ดำเนินคดีเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิของผู้บริโภคที่คณะกรรมการเห็นสมควร หรือเมื่อมีผู้ร้องขอตามพระราชบัญญัตินี้
ปฏิบัติการอื่นใดตามที่คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการมอบหมาย
                มาตรา ๒๙ ในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจหน้าที่ดังนี้
เข้าไปในสถานที่ประกอบธุรกิจของผู้ติดตามหนี้ที่มีเหตุ อันควรสงสัยว่ามีการกระทำอันเป็นความผิด หรือมีหลักฐานหรือเอกสารที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดพระราชบัญญัตินี้ เพื่อตรวจสอบได้ในระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก หรือในระหว่างเวลาทำการของสถานที่นั้น
ยึดหรืออายัดทรัพย์สิน เอกสารหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบหรือดำเนินคดี
ปฏิบัติการอื่นใดตามที่คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการมอบหมาย
                มาตรา ๓๐ ให้คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการและพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้เป็น เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
                ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวต่อบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกครั้ง

หมวด ๑๐
การพักใช้และเพิกถอนใบอนุญาต
-----------------
                 มาตรา ๓๑ ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งพักใช้ใบอนุญาต หรือเพิกถอนใบอนุญาตการประกอบธุรกิจติดตามทวงถามหนี้ของผู้ติดตามหนี้ได้ เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้

ประกอบกิจการโดยทุจริตหรืออาจทำให้ประชาชนเสียหาย
จงใจละเว้นการดำเนินการหรือฝ่าฝืนข้อห้ามตามที่กฎหมายบัญญัติ
จงใจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ หรือเงื่อนไขที่รัฐมนตรีหรือคณะกรรมการกำหนดตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๓๒ เมื่อคณะกรรมการสั่งพักใช้ใบอนุญาต หรือเพิกถอนใบอนุญาตการประกอบธุรกิจติดตามทวงถามหนี้ของผู้ติดตามหนี้รายใด ให้สำนักงานแจ้งรายชื่อของผู้ติดตามหนี้นั้นแก่สถาบันการเงินทุกแห่งทราบภาย ในเจ็ดวันทำการ

หมวด ๑๑
บทกำหนดโทษ
---------------------
มาตรา ๓๓ ผู้ติดตามหนี้ใดไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่หรือจนกว่าจะ ได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง เว้นเสียแต่พิสูจน์ได้ว่าไม่ได้มีเจตนากระทำผิดดังกล่าว และเป็นผลมาจากความผิดพลาด และได้มีการปรับปรุงแก้ไขไม่ให้มีความผิดพลาดดังกล่าวเกิดขึ้นอีก
                บทบัญญัติมาตรานี้ไม่เป็นการตัดสิทธิผู้บริโภคหรือผู้เสียหายที่แท้จริงใน การใช้สิทธิฟ้องร้องหรือดำเนินการใดๆ ตามกฎหมายต่อผู้กระทำความผิดนั้น
                มาตรา ๓๔ ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดซึ่งต้องรับโทษตามพระราชบัญญัตินี้เป็นนิติบุคคล ให้กรรมการผู้จัดการ หุ้นส่วนผู้จัดการ หรือผู้แทนของนิติบุคคลนั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้นๆ ด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการกระทำนั้นได้กระทำโดยตนมิได้รู้เห็นยินยอมหรือตน ได้จัดการตามสมควรเพื่อป้องกันมิให้เกิดความผิดนั้นแล้ว


หมวด ๑๒
บทเฉพาะกาล
-----------------
                 มาตรา ๓๕ ผู้ใดประกอบธุรกิจติดตามหนี้หรือกิจการอื่นในลักษณะทำนองเดียวกันอยู่ก่อน วันที่พระราชบัญญัตินี้ ให้บังคับให้ยื่นคำขอตามมาตรา ๖ ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ ในระหว่างการพิจารณาคำขอให้ผู้นั้นประกอบธุรกิจต่อไปได้จนกว่าคณะกรรมการจะ มีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
               มาตรา ๓๖ ให้กระทรวงการคลังจัดตั้งสำนักงานภายในหกสิบวัน นับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

              นายกรัฐมนตรี

 หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ ปัจจุบันการติดตามทวงถามหนี้สินเชื่อบุคคลและสินเชื่อบัตรเครดิตเป็นธุรกิจ ประเภทหนึ่งที่มีผลกระทบต่อสังคม หากการติดตามหนี้ดังกล่าวมีการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม นอกจากนี้ การประกอบธุรกิจติดตามทวงถามหนี้ในปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายที่เกี่ยวกับการ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการทำธุรกรรมผู้ติดตามหนี้ รวมทั้งยังไม่มีกฎหมายคุ้มครองประชาชนผู้เป็นหนี้ไว้เป็นการเฉพาะ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการติดตามทวงถามหนี้ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น